แม้ยังมิได้มีการแถลงรายละเอียดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม แต่จากการศึกษาข้อมูลในช่วงหา เสียง พอจะสรุปได้ว่ารัฐบาลชุดใหม่น่าจะให้ความสำคัญกับแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง โดยคาดว่า
นโยบายเร่งด่วนที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้น คือ
- ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันชั่วคราว (ยังไม่ระบุเวลา แต่จะพิจารณาสภาพเศรษฐกิจ และงบประมาณเป็นสำคัญ) เฉพาะในส่วนของน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล ที่จากเดิมเก็บที่ 7.5 บาท/ลิตร 6.7 บาท/ลิตร และ1.8 บาท/ลิตร ตามลำดับ เท่ากับเงินภาษีส่วนนี้จะหายไปราวปีละ 4.5 พันล้านบาท ขณะที่ยังคงตรึงราคาก๊าซแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) และก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งส่วนนี้รัฐบาลต้องใช้เงินอุดหนุนแทนเม็ดเงินของกองทุนน้ำมันไปก่อนราวเดือนล่ะ 3.4 พันล้านบาท และ
- ให้เพิ่มค่าลดหย่อนภาษีแก่ผู้ซื้อบ้านหลังแรกราว 5 แสนบาท (ราคาบ้านจะอยู่ในวงเงินราว 7-8 ล้านบาท) และลดหย่อนภาษีรถยนต์คันแรกที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท (เช่นลดราคา 5 แสนบาท ลดหย่อนได้ 1 แสนบาท) ส่วนระยะกลางคือ ลดภาษีนิติบุคคล จาก 30% ในปี 2554เหลือ 23% ในปี 2555 และ 20% ในปี 2556 ทั้งนี้ให้นำเงินในส่วนที่ได้รับการลดหย่อน ไปเพิ่มค่าจ้างผู้ใช้แรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน และผู้จบปริญญาตรีมีเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท โดยสรุปนโยบายดังกล่าวน่าจะกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน ซึ่งมีสัดส่วน 57-60% ของ GDP ในสถานการณ์จึงน่าจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้าง sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้น โดยหวังว่าผลกำไรตลาดจะดีขึ้นหลังเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น