รายงานข่าวจาก บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวโน้มการแก้ปัญหาหนี้ของสหรัฐ ว่า สหรัฐไม่น่าจะยอมผิดนัดชำระหนี้แต่มีความเสี่ยงถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือใน 2 กรณี คือจากการไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้ทันวันที่ 2 ส.ค. คาดว่าจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้น และคาดว่าจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือเพราะแผนการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐต่ำกว่าระดับที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต้องการ
ทั้งนี้หากเกิดการลดอันดับความน่าเชื่อถือจริง คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาพันธบัตรสหรัฐและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ผลกระทบในเชิงลบดังกล่าวจะต่ำกว่ากรณีที่สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากประเมินว่า นักลงทุนที่เป็นผู้ถือครองพันธบัตรสหรัฐส่วนใหญ่ เช่น จีน และ ญี่ปุ่น จะไม่ขายพันธบัตรสหรัฐที่ถือครองอยู่ออกมา เพราะสร้างความเสียหายให้กับตนเอง
ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยนั้น หากผลเจรจาขยายเพดานหนี้สำเร็จ จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ทำให้ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลง ตามแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน ดัชนีมีโอกาสลดลงไปที่ระดับ 1,080 จุด ซึ่งเป็นต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุนต่างชาติรอบนี้ แต่หากสหรัฐถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง ส่งผลให้ค่าเงินในเอเชียแข็งค่าต่อเนื่องจากเงินทุนไหลเข้า ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นไประดับ 1,150 จุด
นอกจากนี้หากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสลดลงแรง หรืออยู่ในระดับ 1,060-1,030 จุด แต่บริษัทยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งมีโอกาสปรับตัวขึ้นถึง 1,200 จุดได้อย่างไรก็ตามบริษัทได้ประเมินแนวทางผลเจรจาเพื่อขยายเพดานหนี้ของรัฐต่อสภาสหรัฐไว้ 3 แนวทาง คือ ขยายเพดานหนี้ทันเวลาวันที่ 2 ส.ค. โดยมีโอกาสเกิดมากที่สุดและเป็นกรณีที่ดีที่สุด, ขยายเพดานหนี้ไม่ทันวันที่ 2 ส.ค. แต่จะขยายได้ภายหลังจากนั้นไม่นานและไม่ผิดนัดชำระหนี้ มีโอกาสเกิดขึ้นปานกลาง ซึ่งจะส่งผลกระทบด้านลบต่อตลาดการเงินในระยะสั้นแต่ไม่มากนัก
ส่วนกรณีสุดท้ายคือ ผิดนัดชำระหนี้ มีโอกาสเกิดน้อยที่สุด แต่หากเกิดขึ้นจะกระทบต่อตลาดการเงินมากที่สุด สำหรับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าสะท้อนปัญหาเพดานหนี้สหรัฐไปบ้างแล้ว หลังจากดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงแล้ว 3% นับตั้งแต่ระดับ 76 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าเงินในเอเชียแข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 14 ปี ล่าสุดค่าเงินเยน อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 78 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือแข็งค่าขึ้น 4% และค่าเงินบาทอยู่ที่ 29.74 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น 2%
“แนวโน้มเงินดอลลาร์สหรัฐจะผันผวนมากจนถึงวันที่ 2 ส.ค. หากผลออกมาในเชิงบวก คาดว่าจะส่งผลดีต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในระยะสั้นให้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินในเอเชีย ทำให้ค่าเงินบาทไทยมีโอกาสอ่อนค่ามากที่สุดในระดับ 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หากผลออกมาในเชิงลบ รวมถึงกรณีที่สหรัฐถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ จะส่งผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนค่าต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าตลาดจะเริ่มคลายความกังวลลงไป อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ได้ประเมินค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าได้ถึง 29.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และผลออกมาในเชิงลบมาก จะส่งผล กระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและตลาดการเงินอย่างรุนแรง”.
F Blogger
วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ศัพท์เศรษฐกิจ
MARKET CAPITALIZATION (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด)
MARKET CAPITALIZATION หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า MARKET CAP หมายถึง มูลค่าตามราคาตลาดโดยรวมของหลักทรัพย์จดทะเบียน ซึ่งเป็นค่าที่คำนวณจากการนำราคาปิดของหลักทรัพย์จดทะเบียน คูณกับจำนวนหลักทรัพย์จดทะเบียน ปัจจุบัน การคำนวณมูลค่าตามราคาตลาดรวมของหลักทรัพย์จดทะเบียน ครอบคลุมหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นกู้ และใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนท์) โดยมีสูตรการคำนวณ ดังนี้
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด = ราคาปิดของหุ้น * ปริมาณหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์
(ไม่รวมหลักทรัพย์ Foreign เนื่องจากจะมีค่าเท่ากับหุ้นสามัญ)
MARKET CAPITALIZATION หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า MARKET CAP หมายถึง มูลค่าตามราคาตลาดโดยรวมของหลักทรัพย์จดทะเบียน ซึ่งเป็นค่าที่คำนวณจากการนำราคาปิดของหลักทรัพย์จดทะเบียน คูณกับจำนวนหลักทรัพย์จดทะเบียน ปัจจุบัน การคำนวณมูลค่าตามราคาตลาดรวมของหลักทรัพย์จดทะเบียน ครอบคลุมหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นกู้ และใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนท์) โดยมีสูตรการคำนวณ ดังนี้
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด = ราคาปิดของหุ้น * ปริมาณหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์
(ไม่รวมหลักทรัพย์ Foreign เนื่องจากจะมีค่าเท่ากับหุ้นสามัญ)
Volume คือ ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์
Value คือ มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์
Sector คือ กลุ่มอุตสาหกรรม
Sector คือ กลุ่มอุตสาหกรรม
ล่าสุด KBANK Market Cap แซงหน้า BBL ขึ้นไปแล้ว
1. PTT 1,004,742,648,800.00
2. PTTEP 615,667,914,750.00
3. SCC 444,000,000,000.00
4. SCB 413,948,119,994.00
5. ADVANC 347,852,153,610.00
6. KBANK 344,629,467,792.00
7. BBL 328,320,977,768.00
วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
1200 จุด
Manager On_Line :
ปธ. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ชี้ หากรัฐบาล_ใหม่ ประกาศลดภาษีบจ. จะส่งผลSET_ไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 100จุด & กำไรบจ.โต 10%
ปัจจัยการเมืองนิ่งตลาดหุ้นไทยทยอยปรับตัวเพิ่มๆๆขึ้นต่อ ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่จากต่างประเทศเข้าได้ หุ้นพุ่งแตะ 1,200จุดสิ้นปีนี้
ไพบูลย์ นลินทรางกูร ปธ. กก. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.)
เศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้งนั้นมีการปรับตัวดีขึ้น ดีขึ้น & ดีขึ้น
* จากการที่รัฐบาลใหม่ ซึ่งจะสร้างความมั่นใจในเรื่องการบริโภค การลงทุน & หากมีการจัดตั้งรัฐบาล_เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้
ก็จะจ้องมาดูในเรื่องการประกาศนโยบายเศรษฐกิจว่า จะมีการดำเนินการอย่างไร จากที่หาเสียงเอาไว้ หลายๆนโบายนั้นเป็นเรื่องที่ดี๊_ดี
นโยบายนั้นมีการท้วง_ติงบ้าง แม้ยังไม่จัดตั้งรัฐบาล โดยรัฐบาลจะต้องมีการดำเนินนโยบายให้รอบคอบ+เรียงลำดับความสำคัญ
คาดว่า GDP_ปีนี้จะโต 4% ขณะที่ ปีหน้าจะโต 4-5%
* นโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น กระทบต่อบริษัทจดทะเบียนน้อยมาก_จากที่ได้มีการสำรวจความเห็นบริษัทจดทะเบียน
แต่หากรัฐบาลใหม่มีการประกาศลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% มีผล 1 มค. 55
ส่งทำให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น 10%ทันที และส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก 100จุด
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กก. บริหาร กก. ผจก. บ.ลจ ภัทร (PHATRA) กล่าวว่า
* ขณะนี้ นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นที่ดีต่อไทยม๊าก_มาก หลังการเลือกตั้งผ่านพ้นไปด้วยดี & พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงมาก
ทำให้เกิดความมั่นคงทางการเมืองมากขึ้น แต่นักลงทุนเป็นห่วงเรื่องนโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยว่าจะปฏิบัติได้ยาก?
จากนโยบายนั้น_ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยลดการขาดดุลงบประมาณลงได้
ขณะเดียวกันจะทำให้เกิดความเสี่ยงด้านการเติบโตของเศรษฐกิจที่อาจไม่เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ จากการขาดวินัยทางการคลัง
ซึ่งส่งผลให้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย มีผลทำให้ค่าเงินบาทแข็
ปธ. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ชี้ หากรัฐบาล_ใหม่ ประกาศลดภาษีบจ. จะส่งผลSET_ไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 100จุด & กำไรบจ.โต 10%
ปัจจัยการเมืองนิ่งตลาดหุ้นไทยทยอยปรับตัวเพิ่มๆๆขึ้นต่อ ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่จากต่างประเทศเข้าได้ หุ้นพุ่งแตะ 1,200จุดสิ้นปีนี้
ไพบูลย์ นลินทรางกูร ปธ. กก. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.)
เศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้งนั้นมีการปรับตัวดีขึ้น ดีขึ้น & ดีขึ้น
* จากการที่รัฐบาลใหม่ ซึ่งจะสร้างความมั่นใจในเรื่องการบริโภค การลงทุน & หากมีการจัดตั้งรัฐบาล_เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้
ก็จะจ้องมาดูในเรื่องการประกาศนโยบายเศรษฐกิจว่า จะมีการดำเนินการอย่างไร จากที่หาเสียงเอาไว้ หลายๆนโบายนั้นเป็นเรื่องที่ดี๊_ดี
นโยบายนั้นมีการท้วง_ติงบ้าง แม้ยังไม่จัดตั้งรัฐบาล โดยรัฐบาลจะต้องมีการดำเนินนโยบายให้รอบคอบ+เรียงลำดับความสำคัญ
คาดว่า GDP_ปีนี้จะโต 4% ขณะที่ ปีหน้าจะโต 4-5%
* นโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น กระทบต่อบริษัทจดทะเบียนน้อยมาก_จากที่ได้มีการสำรวจความเห็นบริษัทจดทะเบียน
แต่หากรัฐบาลใหม่มีการประกาศลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% มีผล 1 มค. 55
ส่งทำให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น 10%ทันที และส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก 100จุด
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กก. บริหาร กก. ผจก. บ.ลจ ภัทร (PHATRA) กล่าวว่า
* ขณะนี้ นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นที่ดีต่อไทยม๊าก_มาก หลังการเลือกตั้งผ่านพ้นไปด้วยดี & พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงมาก
ทำให้เกิดความมั่นคงทางการเมืองมากขึ้น แต่นักลงทุนเป็นห่วงเรื่องนโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยว่าจะปฏิบัติได้ยาก?
จากนโยบายนั้น_ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยลดการขาดดุลงบประมาณลงได้
ขณะเดียวกันจะทำให้เกิดความเสี่ยงด้านการเติบโตของเศรษฐกิจที่อาจไม่เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ จากการขาดวินัยทางการคลัง
ซึ่งส่งผลให้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย มีผลทำให้ค่าเงินบาทแข็
สรุปการประชุมสุดยอดผู้นำยูโรโซน (ช่วยกรีซ)
ที่ประชุมมีมติให้เงินช่วยเหลือแก่กรีซเพิ่มเติม 109 billion Euro (US$156.7 billion)
มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น
และอีกส่วนหนึ่ง เป็นวงเงิน 50 billion Euro มาจากการแลกเปลี่ยนพันธบัตรที่ใกล้หมดอายุ Swap มาเป็นฉบับใหม่ ที่มีอายุมากขึ้นเท่าตัว เช่นจาก 7.5 ปี ก็ปรับเป็น 15 ปี และ 15 ปี ก็ปรับเป็น 30 ปี
ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 3.5% จากธนาคาร หรือ สถาบันการเงินที่ขอสมัครใจ (บังคับ) 30 แห่ง โดยให้ข้อเสนอ อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร 9%
กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ได้รับอนุญาตให้เข้าซื้อพันธบัตรในตลาดรอง อีกระดับหนึ่งเพื่อช่วยเหลือในคนถือพันธบัตรกรีซ แต่ไม่ให้ความร่วมมือ และจะปล่อยสินเชื่อแก่ประเทศกรีซ
คณะทำงานที่ได้รับการแต่งตั้งจะทำงานร่วมกัน และ จับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุ และจะรายงานอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้
ผลที่เกิดในตอนนี้ หลังบรรลุข้อตกลง : ค่าเงินยูโรแข็งค่า / ดอลล์สหรัฐอ่อนค่าลง. ตลาดหุ้นยุโรป/สหรัฐ เขียวยกแผง นักลงทุนเริ่มเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง คือ หุ้น
มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น
และอีกส่วนหนึ่ง เป็นวงเงิน 50 billion Euro มาจากการแลกเปลี่ยนพันธบัตรที่ใกล้หมดอายุ Swap มาเป็นฉบับใหม่ ที่มีอายุมากขึ้นเท่าตัว เช่นจาก 7.5 ปี ก็ปรับเป็น 15 ปี และ 15 ปี ก็ปรับเป็น 30 ปี
ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 3.5% จากธนาคาร หรือ สถาบันการเงินที่ขอสมัครใจ (บังคับ) 30 แห่ง โดยให้ข้อเสนอ อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร 9%
กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ได้รับอนุญาตให้เข้าซื้อพันธบัตรในตลาดรอง อีกระดับหนึ่งเพื่อช่วยเหลือในคนถือพันธบัตรกรีซ แต่ไม่ให้ความร่วมมือ และจะปล่อยสินเชื่อแก่ประเทศกรีซ
คณะทำงานที่ได้รับการแต่งตั้งจะทำงานร่วมกัน และ จับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุ และจะรายงานอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้
ผลที่เกิดในตอนนี้ หลังบรรลุข้อตกลง : ค่าเงินยูโรแข็งค่า / ดอลล์สหรัฐอ่อนค่าลง. ตลาดหุ้นยุโรป/สหรัฐ เขียวยกแผง นักลงทุนเริ่มเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง คือ หุ้น
จะรอดมั้ย..? สี่เสื้อแดง vs กกต.
กกต.รับรองผลรอบ 3 จำนวน 32 คน โสภณ-เผดิมชัย ผ่านฉลุย ส่วนจตุพร ณัฐวุฒิ การุณ พายัพ ยังถูกแขวน
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งทั้งหมด 32 คนโดยแบ่งเป็น ส.ส.ระบบเขต 26 คนประ
อย่างไรก็ตาม กกต.ยังคงแขวนแกนนำเสื้อแดง 4 คน ประกอบไปด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ , นายพายัพ ปั้นเกตุ และนายการุณ โหสกุล ทั้งนี้สรุปตัวเลขของการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งหมด 3 รอบ จำนวน 402 คน แบ่งเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 117 คน ส.ส.ระบบเขต 285 คน ซึ่งยังคงเหลือการรับรองผลอีก 98 คน เป็นระบบบัญชีรายชื่อ 8 คน และระบบเขตอีก 90 คน
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งทั้งหมด 32 คนโดยแบ่งเป็น ส.ส.ระบบเขต 26 คนประ
อย่างไรก็ตาม กกต.ยังคงแขวนแกนนำเสื้อแดง 4 คน ประกอบไปด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ , นายพายัพ ปั้นเกตุ และนายการุณ โหสกุล ทั้งนี้สรุปตัวเลขของการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งหมด 3 รอบ จำนวน 402 คน แบ่งเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 117 คน ส.ส.ระบบเขต 285 คน ซึ่งยังคงเหลือการรับรองผลอีก 98 คน เป็นระบบบัญชีรายชื่อ 8 คน และระบบเขตอีก 90 คน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)